จากเมืองชาละวัน สู่เมืองฟ้าอมร: เส้นทางความหวังของหนุ่มสาวพิจิตร
ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดพิจิตรในยามเช้าตรู่ ภาพของหนุ่มสาวพร้อมกระเป๋าสัมภาระใบโต คือภาพที่คุ้นตา มันไม่ใช่การเดินทางเพื่อท่องเที่ยวพักผ่อน แต่คือการเดินทางครั้งสำคัญที่แบกรับ "ความหวัง" ของทั้งตัวเองและครอบครัวไว้บนบ่า มุ่งหน้าสู่ "กรุงเทพมหานคร" เมืองหลวงที่เปรียบดังศูนย์กลางแห่งโอกาสและอนาคต
เรื่องราวของพวกเขาเหล่านี้สะท้อนออกมาอย่างจับใจผ่านบทเพลงลูกทุ่ง "ค่ำคืนที่เมืองกรุง" ที่เล่าถึงชายหนุ่มคนหนึ่งผู้จำใจจากบ้านนาอันเป็นที่รักมาเผชิญโชคในเมืองใหญ่ นี่คือเรื่องราวที่เป็นดั่งกระจกเงาของหนุ่มสาวชาวพิจิตรจำนวนมาก
เหตุผลที่ต้องจากมา
จังหวัดพิจิตร "เมืองชาละวัน" ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทุ่งข้าวสีทองและมีสายน้ำน่านหล่อเลี้ยงชีวิต แม้วิถีชีวิตจะเรียบง่ายและงดงาม แต่โอกาสในการประกอบอาชีพนอกภาคเกษตรกรรมยังมีอยู่อย่างจำกัด ด้วยราคาผลผลิตที่ไม่แน่นอนและรายได้ที่ไม่เพียงพอต่อการสร้างอนาคตที่มั่นคง ทำให้ "ความจน" กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญให้คนหนุ่มสาวต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ คือการจากบ้านเกิดเพื่อไปหางานทำ
พวกเขาทิ้งทุ่งนา ทิ้งความคุ้นเคย และที่สำคัญที่สุดคือทิ้ง "คนรัก" และครอบครัวไว้เบื้องหลัง พร้อมกับคำสัญญาที่ก้องอยู่ในใจเสมอว่า "จะรีบไปรีบมา" เพื่อเก็บเงินสร้างฝันให้เป็นจริง
ภาพจริงในเมืองหลวง
เมื่อเท้าเหยียบเมืองกรุง โลกใบใหม่ที่เคยเห็นเพียงในทีวีก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า "เสียงรถรา" ที่ดังสนั่น "แสงไฟนีออน" ที่ไม่เคยหลับใหล และชีวิตที่เร่งรีบ คือสิ่งที่พวกเขาต้องปรับตัว จากทุ่งกว้างสุดลูกหูลูกตา กลับต้องมาอาศัยใน "ห้องเช่าเล็กๆ" ที่เป็นเพียงที่ซุกหัวนอนหลังเลิกงาน
ชีวิตในแต่ละวันคือการต่อสู้ เหงื่อทุกหยดที่ไหลออกมาแลกกับเงินเดือนที่ไม่มากนัก แต่ก็คือความหวังที่จะส่งกลับไปจุนเจือครอบครัวทางบ้าน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หนักหนาไม่แพ้การทำงาน คือ "ความเหงาที่กัดกินหัวใจ" โดยเฉพาะในยามค่ำคืน
ดังท่อนเพลงที่ว่า "โอ้...ค่ำคืนที่เมืองกรุง ช่างวุ่นวายแต่ใจพี่เหงา" มันคือความจริงที่เจ็บปวด ท่ามกลางผู้คนนับล้าน พวกเขากลับรู้สึกเดียวดาย ความคิดถึงบ้าน ความคิดถึงรอยยิ้มของคนรักที่รออยู่ คือสิ่งที่คอยทิ่มแทงหัวใจอยู่เสมอ
สายใยที่ผูกพัน คือพลังให้สู้ต่อ
แม้ร่างกายจะเหนื่อยล้าและหัวใจจะอ้างว้าง แต่สิ่งที่ทำให้หนุ่มสาวนักสู้เหล่านี้ยังยืนหยัดอยู่ได้ คือ "กำลังใจจากคนข้างหลัง" เสียงจากปลายสายโทรศัพท์ที่ถามไถ่ด้วยความห่วงใย หรือภาพจากวิดีโอคอลที่ได้เห็นหน้าพ่อแม่และคนรัก คือน้ำทิพย์ชโลมใจที่ดีที่สุด
พวกเขา "กัดฟันสู้ทน" เพราะรู้ดีว่าทุกความอดทนในวันนี้ คืออิฐแต่ละก้อนที่จะก่อร่างสร้างอนาคตในวันหน้า ความฝันของพวกเขาอาจไม่ใช่การร่ำรวยเป็นเศรษฐี แต่เป็นเพียงความฝันเรียบง่ายที่จะมีเงินเก็บสักก้อน กลับไปปลูกบ้านที่บ้านเรา กลับไปใช้ชีวิตอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับคนที่รักอย่างมีความสุข
เรื่องราวของหนุ่มสาวพิจิตรในเมืองกรุง จึงเป็นบทพิสูจน์ของความรัก ความเสียสละ และความอดทน พวกเขาคือ "นักสู้ชีวิต" ที่จากเมืองชาละวันมาอย่างมีความหวัง และตั้งใจว่าจะต้องกลับไปอย่างภาคภูมิใจในสักวันหนึ่ง...ที่บ้านเรา