ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มิถุนายน, 2025

Our Little Nook: ที่พักพิงในวันที่ใจอ่อนล้า

 Our Little Nook: ที่พักพิงในวันที่ใจอ่อนล้า ท่ามกลางโลกที่หมุนเร็วจนบางทีเราก็ตามไม่ทัน ความรู้สึกเหนื่อยล้าและเดียวดายอาจเข้ามาทักทายโดยไม่ทันตั้งตัว ในวันที่ท้องฟ้าดูมืดมัวและทุกอย่างรอบตัวดูหนักอึ้ง เคยไหมที่เราโหยหาเพียงแค่ "มุมเล็กๆ" ที่จะหลบพักใจ เพลง "Our Little Nook" เปรียบเสมือนเพื่อนสนิทที่เข้าใจทุกความรู้สึก ของเราอย่างลึกซึ้ง ด้วยเมโลดี้ที่อ่อนโยนและเนื้อเพลงที่ราวกับกระซิบปลอบประโลม เพลงนี้ได้สร้างภาพของพื้นที่เล็กๆ ที่แสนอบอุ่นและปลอดภัย ที่ซึ่งเราสามารถทิ้งความอ่อนแอไว้เบื้องหลัง และเติมพลังใจเพื่อก้าวเดินต่อไป ลองจินตนาการถึง ภาพผู้หญิงคนหนึ่ง (ตามภาพประกอบ) ที่นั่งอยู่ใน มุมห้องที่แสนอบอุ่น แสงแดดยามบ่ายอ่อนๆ สาดส่องเข้ามาลอดผ้าม่านบางๆ สร้างบรรยากาศที่เงียบสงบ หมอนอิงนุ่มๆ และผ้าห่มผืนโปรดวางอยู่ใกล้ๆ ราวกับรอคอยให้เธอทิ้งตัวลงพักพิง บนโต๊ะข้างๆ มีแก้วเครื่องดื่มอุ่นๆ และหนังสือเล่มโปรดที่เปิดค้างไว้ ใน "Our Little Nook" แห่งนี้ ไม่มีคำตัดสิน ไม่มีสายตาที่จับจ้อง มีเพียงความเงียบสงบและความเข้าใจ เธอสามารถปล่อยให้น้ำตาไหลรินอย่างอิสระ ห...

ลมหายใจของฉัน...น้ำตาของใคร (เฮียโก้ ร่างทอง)

 ลมหายใจของฉัน...น้ำตาของใคร’ บทสะท้อนของหัวใจที่ไม่อาจเลือก ในโลกของความรัก เราต่างปรารถนาให้มันเป็นเรื่องราวของ "เราสองคน" ที่สวยงามและเรียบง่าย แต่ชีวิตจริงกลับซับซ้อนกว่านั้นเสมอ บทเพลง "ลมหายใจของฉัน...น้ำตาของใคร" ได้ถ่ายทอดเรื่องราวความเจ็บปวดนั้นออกมาอย่างบีบคั้นหัวใจ ผ่านสถานการณ์ที่เรียกว่า "รักสามเส้า" ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของการนอกใจ แต่คือสภาวะที่หัวใจหนึ่งดวงต้องติดอยู่ตรงกลางระหว่างคนสองคน โดยไม่สามารถเลือกทางใดทางหนึ่งได้ ทางสองแพร่งของหัวใจ: ความดีและความเข้าใจ บทเพลงได้เปิดฉากความขัดแย้งที่ชัดเจนที่สุด นั่นคือการมีอยู่ของคนสองคนที่มีความหมายต่อหัวใจแตกต่างกัน คนหนึ่งคือ "ความปลอดภัย" : ดังท่อนที่ว่า "เขาคนนั้นแสนดี...อยู่ตรงนี้ไม่เคยห่าง เป็นเหมือนทางที่ดูสว่าง...และปลอดภัย" เขาคือความมั่นคง คือบ้านที่อบอุ่น คือคนที่มอบความรักที่บริสุทธิ์และชัดเจน เป็นเหตุผลที่สมองบอกว่า "ถูกต้อง" อีกคนคือ "ความหวั่นไหว" : ดังท่อนที่ว่า "ส่วนเขาอีกคน...ก็แสนจะเข้าใจ ทำให้ใจฉันสั่นไหว" เขาคือความตื่นเต้น คือส...

เมื่อ "ความเงียบ" คือเสียงของหัวใจที่แตกสลาย:เสียงของความเงียบ

ถอดรหัส "เสียงของความเงียบ": เมื่อคำบอกลาที่เจ็บปวดที่สุด...ไม่ได้ออกมาเป็นคำพูด ในจักรวาลของความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยบทสนทนา เสียงหัวเราะ และคำว่า "รัก" อาจไม่มีสิ่งใดน่ากลัวและทรงพลังได้เท่ากับ "ความเงียบ" ที่ถ่ายทอดผ่านจินตนาการของศิลปินพลังเสียงอย่าง ทาทา ยัง ได้สะท้อนภาพความเจ็บปวดรูปแบบหนึ่งที่กัดกินหัวใจอย่างช้าๆ มันคือความทรมานที่ไม่ได้เกิดจากคำพูดทำร้าย แต่เกิดจาก "การไม่มีอยู่" ของคำพูด เกิดจากพื้นที่ว่างที่เคยเต็มไปด้วยความรัก บัดนี้กลับกลายเป็นสุญญากาศทางอารมณ์ที่เยียบเย็น เสียงที่ไม่ได้ยิน...เจ็บปวดกว่าคำพูดที่ได้ฟัง จริงหรือ? กายวิภาคของความเงียบที่ดังกว่าพายุ ความเงียบในบทเพลงนี้ไม่ใช่แค่การไม่พูดคุย แต่มันคือการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่ชัดเจนกว่าคำพูดนับพันคำ มันคือ "แววตาที่ว่างเปล่า" จากคนที่เคยจ้องมองเราด้วยความรัก คือ "มือที่เลื่อนดูเรื่องราวที่ไม่ใช่เรา" บนหน้าจอโทรศัพท์แทนที่จะกุมมือกันไว้ คือบรรยากาศที่เคยอบอุ่นกลับกลายเป็นความห่างเหินแม้จะนั่งอยู่ข้างๆ กันก็ตาม ทรมานกว่าการบอกเลิก คือการถูกทิ้งไว้กับความเ...

เพลง โอบกกอดของท้องฟ้า

  เมื่อเสียงเพลงคือเพื่อน... ในวันที่ใจต้องการใครสักคน ณ วินาทีนี้... ที่คุณกำลังปล่อยให้เสียงเพลงทำหน้าที่ของมัน บางทีคุณอาจกำลังนั่งอยู่เงียบๆ ในห้องคนเดียว มองออกไปนอกหน้าต่าง หรือแม้แต่กำลังเดินทางอยู่บนรถ ปล่อยให้ท่วงทำนองพาความคิดล่องลอยไป ไม่ว่าเพลงที่คุณกำลังฟังอยู่นี้จะเป็นเพลงเศร้าที่เข้าใจความรู้สึกในใจ เป็นเพลงรักหวานซึ้งที่ทำให้คิดถึงใครบางคน หรือเป็นเพลงที่ไม่มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ... ขอให้รู้ไว้ว่า การเลือกเปิดเพลงฟังในตอนนี้นั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันคือวิธีที่จิตใจของคุณกำลังบอกว่า "ฉันต้องการการปลอบโยน" และนั่นคือสิ่งที่คุณควรภูมิใจที่ได้รับฟังเสียงของหัวใจตัวเอง เคยรู้สึกไหมว่าบางครั้ง เราก็แค่ต้องการพื้นที่เงียบๆ ที่มีเพียงเสียงเพลงเป็นเพื่อน พื้นที่ที่ไม่ต้องอธิบายความรู้สึกให้ใครฟัง ไม่ต้องพยายามเข้มแข็ง ไม่ต้องฝืนยิ้ม บทเพลงแต่ละเพลงจึงเปรียบเสมือนห้องส่วนตัวที่เราสามารถเข้าไปพักพิง ปลดปล่อยความรู้สึกทุกอย่างออกมาได้อย่างปลอดภัย หากวันนี้เป็นวันที่คุณรู้สึกเหนื่อยล้า... ขอให้เมโลดี้ที่ได้ยินช่วยนวดคลึงความอ่อนล้าในใจ ให้จังหวะของมันช่วยพยุงให้คุณได...

หยดน้ำตาและไออุ่น... เพลง ไออุ่น..ข้างกาย

  หยดน้ำตาและไออุ่น... เมื่อเสียงเปียโนบรรเลงถึงใครคนนั้น ลองจินตนาการถึงห้องที่เงียบสงัด... มีเพียงเสียงเปียโนโน้ตแรกที่ถูกกดลงอย่างนุ่มนวล มันก้องกังวานและค่อยๆ จางหายไปในอากาศ ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าที่รอการเติมเต็ม แล้วเสียงร้องของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้น... มันไม่ใช่เสียงร้องที่ตะโกนก้อง ไม่ใช่ความเกรี้ยวกราดของชาวร็อก แต่เป็นเหมือนเสียงกระซิบจากส่วนลึกของหัวใจที่กำลังเล่าเรื่องราวให้คุณฟังเพียงลำพัง เพลงนี้ไม่ได้ถามถึงการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ แต่กำลังชวนให้คุณดำดิ่งลงไปในความรู้สึกเงียบๆ ข้างใน... ความรู้สึกในวันที่โลกภายนอกสับสนวุ่นวาย จนเราต้องกลับมาหาที่พักพิงในใจ เมื่อเสียงเปียโนบรรเลงไปเรื่อยๆ... คุณเห็นใบหน้าของใครลอยขึ้นมาในความคิด? ไม่ใช่คนที่อยู่กับคุณในงานเลี้ยงที่เสียงดังที่สุด... แต่คือคนที่นั่งอยู่ข้างๆ คุณในความเงียบได้โดยไม่อึดอัด ไม่ใช่คนที่มอบของขวัญราคาแพง... แต่คือคนที่ชงกาแฟให้คุณในตอนเช้าโดยไม่ต้องเอ่ยคำใด ไม่ใช่คนที่คอยบอกว่าคุณต้องทำอะไร... แต่คือคนที่รับฟังเรื่องราวที่คุณระบายออกมาอย่างไม่รู้จบด้วยความเข้าใจ คนๆ นั้น... คือ "ไออุ่นข้างกาย" ในเวอร์ช...

ลมหายใจไม่สิ้นหวัง: หัวใจนักสู้แห่งเมืองชาละวัน

 จากเมืองชาละวัน สู่เมืองฟ้าอมร: เส้นทางความหวังของหนุ่มสาวพิจิตร ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดพิจิตรในยามเช้าตรู่ ภาพของหนุ่มสาวพร้อมกระเป๋าสัมภาระใบโต คือภาพที่คุ้นตา มันไม่ใช่การเดินทางเพื่อท่องเที่ยวพักผ่อน แต่คือการเดินทางครั้งสำคัญที่แบกรับ "ความหวัง" ของทั้งตัวเองและครอบครัวไว้บนบ่า มุ่งหน้าสู่ "กรุงเทพมหานคร" เมืองหลวงที่เปรียบดังศูนย์กลางแห่งโอกาสและอนาคต เรื่องราวของพวกเขาเหล่านี้สะท้อนออกมาอย่างจับใจผ่านบทเพลงลูกทุ่ง "ค่ำคืนที่เมืองกรุง" ที่เล่าถึงชายหนุ่มคนหนึ่งผู้จำใจจากบ้านนาอันเป็นที่รักมาเผชิญโชคในเมืองใหญ่ นี่คือเรื่องราวที่เป็นดั่งกระจกเงาของหนุ่มสาวชาวพิจิตรจำนวนมาก เหตุผลที่ต้องจากมา จังหวัดพิจิตร "เมืองชาละวัน" ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทุ่งข้าวสีทองและมีสายน้ำน่านหล่อเลี้ยงชีวิต แม้วิถีชีวิตจะเรียบง่ายและงดงาม แต่โอกาสในการประกอบอาชีพนอกภาคเกษตรกรรมยังมีอยู่อย่างจำกัด ด้วยราคาผลผลิตที่ไม่แน่นอนและรายได้ที่ไม่เพียงพอต่อการสร้างอนาคตที่มั่นคง ทำให้ "ความจน" กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญให้คนหนุ่มสาวต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ ค...

ทุกตะวันลับฟ้าที่เมืองชาละวัน...มีความรักที่ยังรอคำตอบ

 เมื่อตะวันลับฟ้า...ที่พิจิตรยังมีคนคอย ณ ขอบฟ้าเมืองชาละวัน เมื่อแสงสุดท้ายของวันอาบไล้ทุ่งรวงทองให้กลายเป็นสีอำพัน คือภาพความงดงามอันเป็นนิรันดร์ของจังหวัดพิจิตร แต่ในความงดงามนั้นเอง หากเราลองเงี่ยหูฟังเสียงกระซิบของสายลมที่พัดผ่านยอดข้าว เราอาจได้ยินเรื่องราวของคำสัญญา และการรอคอยที่ยังไม่เคยเลือนรางไปกับกาลเวลา เรื่องราวของ "พิจิตรยังคอย" บทเพลงนี้ไม่ได้เป็นเพียงเมโลดี้หวานเศร้า แต่คือภาพสะท้อนของโลกสองใบที่หมุนด้วยความเร็วต่างกัน โลกใบหนึ่งคือพิจิตร ที่ซึ่งวิถีชีวิตยังคงเรียบง่าย มั่นคง เสียงแคนยังกล่อมทุ่ง หนุ่มบ้านนายังคงทำหน้าที่ของตนเองอยู่กับผืนดินและสายน้ำที่คุ้นเคย ทุกสิ่งเหมือนเดิม...ยกเว้นหัวใจที่เคยมีคนเคียงข้าง ปลายขอบฟ้าพิจิตร...สุดสายตาของความคิดถึง ส่วนโลกอีกใบคือบางกอก "เมืองฟ้า" ที่เต็มไปด้วยแสงสี ความหวัง และโอกาสใหม่ๆ มันคือโลกที่ดึงดูดคนรักให้จำต้องจากไปไกล พร้อมกับคำสัญญาที่ฝากไว้ว่าจะหวนคืนกลับมา แต่แสงไฟนีออนแห่งเมืองหลวงนั้นช่างเจิดจ้าเสียจนอาจทำให้แสงจันทร์นวลที่เคยส่องสว่าง ณ ริมบึงสีไฟต้องมืดมนลงในความทรงจำ หัวใจของบทเพลงและบทความน...

สิ่งเดียวที่ไม่เคยต้องการจากเธอ...คือการจากไป

 ถึงเธอ... ขอบคุณสำหรับทุกนาทีที่เรามีกัน เคยมีช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตที่ฉันรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่บนเส้นทางที่มืดมนและสับสน มองไปทางไหนก็ไม่เห็นปลายทาง คล้ายกับกำลังตามหาบางสิ่งที่ขาดหายไป แต่ก็ไม่เคยรู้เลยว่าสิ่งนั้นคืออะไร วันเวลาหมุนผ่านไปพร้อมกับหัวใจที่ยังคงว่างเปล่าและวกวน แล้วเธอก็เข้ามา... เธอเข้ามาเป็นเหมือนแสงตะวันอบอุ่นที่สาดส่องเข้ามาในชีวิตที่เคยเหน็บหนาว ไม่ได้มาพร้อมกับคำสัญญาที่เลิศเลอ แต่มาพร้อมกับความรัก ความเข้าใจ และความห่วงใยที่สัมผัสได้จริง เธอเข้ามาเปลี่ยนโลกทั้งใบของฉันด้วยสิ่งง่ายๆ ที่เรียกว่า "การอยู่เคียงข้างกัน" ขอบคุณนะ... สำหรับการกุมมือในวันที่ฉันรู้สึกไม่มั่นคง สำหรับสายตาที่บอกว่า "ไม่เป็นไรนะ" ในวันที่ฉันท้อแท้ สำหรับถ้วยกาแฟในตอนเช้า และเรื่องราวธรรมดาที่เราแลกเปลี่ยนกัน สิ่งเหล่านี้อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อยในสายตาคนอื่น แต่มันคือ "ความสุข" ที่ยิ่งใหญ่และมีค่าที่สุดสำหรับฉัน เธอทำให้ฉันได้เรียนรู้ว่า ชีวิตไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบหรือดีเลิศเลอในทุกด้าน ขอเพียงแค่มีใครสักคนให้รัก และมีใครสักคนที่รักเราตอบ...เพียงเท่านี้ก็เพีย...

ปลุกสนามให้ลุกเป็นไฟ! "ยูฟ่า" ดลพร ในวันที่ทุกอย่างคือความสะใจ

 "ยูฟ่า" ดลพร สินโพธิ์: ดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งวงการวอลเลย์บอลหญิงไทย "ยูฟ่า" ดลพร สินโพธิ์ กลายเป็นชื่อที่แฟนวอลเลย์บอลชาวไทยกล่าวถึงอย่างกว้างขวางในฐานะหนึ่งในนักกีฬาดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุด ด้วยฝีมือการเล่นที่ครบเครื่องทั้งเกมรุกและเกมรับ บวกกับความมุ่งมั่นทุ่มเท ทำให้เธอก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติไทยและสร้างชื่อเสียงในลีกต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว ประวัติส่วนตัว ดลพร สินโพธิ์ มีชื่อเล่นว่า "ยูฟ่า" เกิดเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2547 ปัจจุบันอายุ 21 ปี เป็นชาวจังหวัดขอนแก่น มีส่วนสูง 175 เซนติเมตร เธอเล่นในตำแหน่งตัวตบหัวเสา (Outside Hitter) และสวมเสื้อหมายเลข 4 ในการรับใช้ทีมชาติไทย เส้นทางสายอาชีพ ยูฟ่าเริ่มต้นเส้นทางวอลเลย์บอลอาชีพกับสโมสร 3BB นครนนท์ ตั้งแต่อายุเพียง 16 ปี และด้วยฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นเกินวัย ทำให้เธอเป็นที่จับตามองอย่างรวดเร็ว ในปี 2024 ยูฟ่าได้สร้างก้าวสำคัญในอาชีพด้วยการย้ายไปเล่นในลีกต่างประเทศกับสโมสร อารันมาเร ยามากาตะ (Aranmare Yamagata) ในวี.ลีก ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นบทพิสูจน์ความสามารถและเป็นโอกาสในการพัฒนาฝีมือใน...

ผัดไทย: มากกว่าแค่เส้นผัด แต่คือจิตวิญญาณไทย

 ผัดไทย: จากรากเหง้าสู่เอกลักษณ์อาหารไทยโด่งดังไกลทั่วโลก ผัดไทย อาหารจานเส้นเลื่องชื่อที่ครองใจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ คือภาพสะท้อนของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทยที่ผสมผสานรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ไว้ได้อย่างลงตัว จากจุดเริ่มต้นในฐานะเมนูสร้างชาติ สู่การเป็นหนึ่งในอาหารไทยที่โด่งดังที่สุดในเวทีโลก จากจุดเริ่มต้นที่เรียบง่ายสู่ความภาคภูมิใจของชาติ: ประวัติศาสตร์และความสำคัญทางวัฒนธรรมของผัดไทย ผัดไทยถือกำเนิดขึ้นในสมัยรัฐบาลของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยได้รับอิทธิพลมาจากการใช้เส้นก๋วยเตี๋ยวของชาวจีนมาดัดแปลง รัฐบาลในยุคนั้นได้รณรงค์ให้ประชาชนหันมาบริโภคก๋วยเตี๋ยวแทนข้าว เพื่อลดปริมาณการบริโภคข้าวภายในประเทศที่กำลังประสบปัญหาขาดแคลน และเพื่อเป็นการสร้างเอกลักษณ์ความเป็นไทยให้แก่อาหารจานนี้ จึงได้เติมคำว่า "ไทย" ต่อท้าย กลายเป็น "ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย" และเป็นที่รู้จักในชื่อ "ผัดไทย" ในเวลาต่อมา เอกลักษณ์รสชาติที่กลมกล่อม เสน่ห์ของผัดไทยอยู่ที่รสชาติที่จัดจ้านและกลมกล่อมครบรส ทั้งเปรี้ยวจากน้ำมะขามเปียก เค็มจากน้ำปลา หวานจากน้ำตาลปี๊บ และเผ็ดเ...

หยดเลือดบรรพชน...ลมหายใจของแผ่นดิน

 ยามอุษาคราแผ่นดินเดือด: รวมใจไทยเป็นหนึ่งเดียว ต้านภัยผู้รุกราน ในโมงยามที่ประวัติศาสตร์ชาติไทยอาจต้องเผชิญกับบททดสอบอันยิ่งใหญ่ที่สุด นั่นคือ "สงครามจากผู้รุกราน" สิ่งที่จะเป็นเกราะคุ้มกันแผ่นดินทองของเราได้ดีที่สุด ไม่ใช่เพียงแสนยานุภาพทางการทหาร แต่คือ "หัวใจที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว" ของคนไทยทั้งชาติ บัดนี้ ไม่ใช่เวลาแห่งความขัดแย้ง ไม่ใช่เวลาของสีเสื้อ หรือความเชื่อที่แตกต่าง ถึงเวลาแล้วที่เราต้องวางทุกสิ่งลง และจับมือกันให้มั่นในฐานะ "คนไทย" ผู้เป็นเจ้าของผืนแดินนี้ร่วมกัน ปลุกจิตวิญญาณบรรพชน ตระหนักในหน้าที่ของทุกคน ประวัติศาสตร์ได้จารึกไว้ครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ชาติไทยรอดพ้นจากภัยคุกคามมาได้ด้วยความสามัคคีของบรรพบุรุษ นับตั้งแต่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกอบกู้เอกราช ไปจนถึงการรักษาอธิปไตยในยุคล่าอาณานิคม วันนี้ จิตวิญญาณแห่งความกล้าหาญและความเสียสละนั้น ต้องถูกปลุกขึ้นมาในใจเราทุกคนอีกครั้ง สงครามไม่ใช่เรื่องของทหารเพียงผู้เดียว แต่เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน: แนวหน้า : คือเหล่าทหารหาญ ตำรวจ และอาสาสมัคร ผู้สละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อปกป้องทุกตารางนิ้...

หลับสร้างสุข: เปลี่ยนการนอนให้เป็นการลงทุนสุขภาพที่ดีที่สุด

 พลิกวิกฤตการนอน สู่การพักผ่อนที่ดีที่สุดในชีวิต 1. ความสำคัญของการนอนหลับที่ดี: การนอนหลับเป็นกระบวนการสำคัญในการเก็บสะสมพลังงานของร่างกายและสมอง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันใหม่ การนอนหลับที่ดีมีความสำคัญต่อประสิทธิภาพในการทำงาน ความจำ สมาธิ และสุขภาพโดยรวม การนอนหลับและการตื่นเป็นสองระบบที่ทำงานคู่ขนานกัน เมื่อระบบหนึ่งทำงาน อีกระบบจะต้องหยุดเพื่อให้เกิดความสมดุล 2.  การบอกว่านอนดีหรือไม่ดี: การนอนดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลัก คือ เวลา (ปริมาณ) และ คุณภาพ โดยตัวเราเองจะเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่าเรานอนพอหรือไม่        สัญญาณที่อาจบ่งบอกว่านอนไม่พอ ได้แก่ ตื่นเช้ามาแล้วไม่สดชื่น งัวเงีย, รู้สึกง่วงนอนในตอนกลางวัน, และมีอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย 3.  ปัจจัยที่ส่งผลต่อการนอนหลับ:     พันธุกรรม (Genetics): กำหนดความต้องการการนอนของแต่ละบุคคล มีรายงานยีน DC2 ที่ทำให้บางคนต้องการนอนน้อยกว่าปกติ พันธุกรรมยังกำหนดแนวโน้มการเป็นคนนอนเร็ว (Larks) นอนตามปกติ หรือนอนดึก (Owls)     สิ่งแวดล้อม (Environment): มีบทบาทในการบ่มเพาะพฤติกรรมการนอนแ...

หลงรัก "เขาค้อ" ไม่ต้องรอฤดู ไม่สิ้นเสน่ห์ภูสูง

 เขาค้อ: เสน่ห์ภูสูง สัมผัสได้ทุกฤดูกาล สายหมอก ทะเลดาว และเรื่องราวที่ไม่เคยจางหาย ณ ดินแดนแห่งขุนเขา จังหวัดเพชรบูรณ์ เครดิตภาพ:www.traveloka.com เมื่อเอ่ยถึง "เขาค้อ" ภาพจำของใครหลายคนอาจเป็นทะเลหมอกสีขาวนวลที่ลอยละล่องโอบกอดขุนเขาในยามเช้าตรู่ของฤดูหนาว แต่แท้จริงแล้ว ดินแดนแห่งนี้ซ่อนเสน่ห์อันหลากหลายที่พร้อมต้อนรับนักเดินทางให้มาสัมผัสได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าเข็มนาฬิกาจะหมุนผ่านฤดูกาลใด เขาค้อก็ยังมีเรื่องราวและความงดงามเฉพาะตัวรอให้เราออกไปค้นหา เปรียบดั่งหนังสือเล่มหนาที่เปิดอ่านกี่ครั้งก็ยังค้นพบความประทับใจใหม่ๆ ได้เสมอ เยือนเขาค้อในลมหายใจแห่งฤดูฝน: ความสดชื่นชุ่มฉ่ำและทะเลหมอกสุดอลังการ หลายคนอาจมองข้ามการ เที่ยวเขาค้อ ในช่วงฤดูฝน แต่หารู้ไม่ว่านี่คือช่วงเวลาที่ธรรมชาติบนเขาค้อจะเผยความเขียวขจีสดชื่นออกมาได้อย่างเต็มที่ที่สุด ผืนป่าและทุ่งหญ้าจะถูกชะล้างจนสะอาดตา ต้นไม้ใบหญ้าต่างแข่งกันอวดสีเขียวชอุ่ม ยิ่งในช่วงหลังฝนตกใหม่ๆ อากาศจะเย็นสบาย สดชื่น พร้อมกับกลิ่นดินกลิ่นหญ้าที่โชยมาเป็นระยะ สร้างความผ่อนคลายอย่างแท้จริง เครดิตภาพ:www.traveloka.com ไฮไลท์สำคัญของเขาค้อ...