ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ร้อนแรงที่สุดแห่งปี 54 เหรียญ มหาโภคทรัพย์ หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ


ร้อนแรงที่สุดแห่งปี 54 เหรียญ มหาโภคทรัพย์ 

หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ


ต้นปี 54 เหรียญที่ร้อนแรงที่สุด ต้องยกให้ เหรียญ มหาโภคทรัพย์ หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ ด้วยเหรียญมีความงดงาม พิธีปลุกเสกเดี่ยว วัตถุประสงค์ชัดเจน วันนี้มาชมด้านหลังเหรียญที่แรงที่สุดในปัจจุบันกันค่ะ ณ.วันที่เขียน ยังไม่ได้รับพระที่จองเพราะอยู่ต่างจังหวัด รับพระช้ากว่าท่านอื่นประมาณ 2 วัน เลยขอใช้รูปท่านอื่นก่อน ทนไม่ไหว....แรงจริงๆๆ


บรรจุอักขระยันต์ครูตามแบบหลวงปู่ทิม อิสริโก เป็นประธาน หลวงพ่อสาครท่านได้กำหนดให้อักขระล้อมรอบชั้นในและชั้นนอก ดังนี้ “ปิโยเทวะมนุสสานัง ปิโยพรหมานะมุตตะโม ปิโยนาคะสุปัณณานัง ปิยินทรียังนะมามิหัง” แปลว่า “ผู้เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นที่สูงสุดของพรหมทั้งหลาย เป็นที่รักตลอดไปถึงดิรัจฉานมีนาคและครุฑเป็นอาทิ ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระพุทธเจ้าผู้มีอินทรีย์อิ่มพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า” พระคาถานี้ถือว่าเป็นสุดยอดทางเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้ แฝงคติทางพระพุทธศาสนาที่สื่อถึงความหมายแห่งการสรรเสริญคุณของพระพุทธเจ้าอันเป็นที่รักแห่งชนทั้งปวง ด้วยว่าเป็นพุทธคุณบทเมตตาอันล้ำเลิศในพระคาถาอิติปิโสรัตนมาลา เหล่าพระคณาจารย์ทั้งหลายหากจะหวังผลในทางเมตตามหานิยมต้องใช้กำกับเสมอ พระคาถานี้มีชื่อว่า “ดอกไม้สวรรค์” เป็นพระคาถาบท “ปิ” เป็นหนึ่งในบท “อิติปิโสรัตนมาลา” ซึ่งพรรณนาคุณแห่งพระรัตนตรัยที่แจกแจงออกไปตามอักขระอย่างลึกซึ้ง แล้วร้อยกรองเข้าไว้ด้วยกันดุจพวงมาลา ซึ่งมีมาแต่โบราณกาล สืบทอดกันมาช้านาน

หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ


ส่วนที่เป็นคาถาวงในนั้นประกอบด้วยด้านบนคือ อ่านว่า “นะชาลีติ” เป็นคาถาหัวใจพระสีวลี พระสีวลีเป็นพระมหาเถระในครั้งพุทธกาลที่ได้รับการรับรองจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า “เป็นเอตทัคคะในทางผู้มีลาภมาก” คำว่าเอตทัคคะแปลว่าเป็นเลิศ ดังนั้นพระสีวลีเถระจึงเป็นพระอรหันต์ผู้เป็นเลิศด้านมีลาภมากนั่นเอง แม้แต่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงกล่าวว่า “ยกเว้นแต่พระตถาคตเจ้าแล้ว ไม่มีผู้ใดจะเลิศด้วยลาภเหมือนพระสิวลีเถรเจ้า” ดังนั้นพระคาถาหัวใจพระสีวลีจึงโดดเด่นในเรื่องโชคลาภโภคทรัพย์ พระคาถาบทต่อกันมาเป็นคาถา “มงกุฎพระพุทธเจ้า” โบราณจารย์แต่เก่าก่อนท่านว่ามีพุทธคุณครอบจักรวาลโดดเด่นดีทุกด้านทุกทาง อ่านว่า “อิติปิโสวิเสเสอิ อิเสเสพุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะตังโสอิ อิโสตังพุทธะปิติอิ” ความหมายคือ “ขออัญเชิญคุณแห่งพระพุทธเจ้าอันวิเศษ คุณแห่งกระแสพระนิพพานอันประเสริฐ ซึ่งพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงสรรเสริญแล้ว จงเป็นมหาวิภูษิตาภรณ์ประดับด้วย มงกุฎทิพย์และเครื่องทรงแห่งพระเจ้ามหาจักรพรรดิ ครอบคลุมข้าพเจ้าตลอดกาลทุกเมื่อเทอญ” หากรวมคุณวิเศษแห่งอักขระทั้งปวงแล้วต้องถือได้ว่าครบถ้วนครอบคลุมให้คุณวิเศษในทุกด้านอย่างบริบูรณ์เลยทีเดียว

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เหรียญหลวงปู่ทอง วัดราชโยธา

เหรียญหลวงปู่ทอง วัดราชโยธา พระเกจิอาจารย์ที่มีอายุยืนยาวที่สุดถึง 117 ปี ท่านครองวัดซึ่งอยู่โดดเดี่ยวภายในแวดวงของอิสลามมิกชน ขอบคุณภาพสวยๆจาก ทีนิวส์ หลวงปู่ทองเหรียญหน้าจมเป็นเหรียญที่แกะด้วยฝีมือเป็นเลิศ เหรียญหลวงปู่ทองรุ่นแรกนี้ สร้างในราว ปี พ.ศ.2480 ซึ่งเป็น พระเครื่อง เหรียญรูปหลวงปู่เหรียญเดียวเท่านั้นที่สร้างในขณะที่ท่านยังดำรงชีวิตอยู่นอกจากเหรียญรุ่นนี้แล้ว ปรากฏว่า มีสานุศิษย์ของหลวงปู่ทองได้สร้างขึ้นอีก 2-3 แบบ สำหรับพระเครื่องวัตถุมงคลเหรียญหลวงปู่ทอง วัดราชโยธา รุ่น 1 ซึ่งท่านอาจารย์แก้ว คำวิบูลย์ เป็นผู้สร้างนี้มีอยู่ด้วยกัน 2 พิมพ์ด้วยกัน พิมพ์หนึ่งเรียกว่า พิมพ์หน้าลอย พิมพ์นี้ รูปท่านลายเด่นอยู่เหนือพื้นเหรียญ สำหรับอีกพิมพ์หนึ่งเรียกว่า พิมพ์หน้าจม นั้น รูปหน้าท่านจมลงไปในพื้นเหรียญอย่างเห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนที่แสดงเป็นเบ้าตา , แก้มที่ตอบและรูปปากของท่านด้วยเอกลักษณะของพิมพ์ดังกล่าวแล้ว นักสะสมพระเครื่องจึงแยกเป็น พิมพ์หน้าลอยและพิมพ์หน้าจมสำหรับรายละเอียดนั้นเหมือนกันทั้ง ๒ พิมพ์ ผิดแต่ขนาดของพิมพ์หน้าลอยเล็กกว่าพิมพ์หน้าจมเล็กน้อยเท่าน

เหรียญหล่อสี่เหลี่ยม รุ่นเสาร์ห้า หลวงพ่อนุ่ม

เหรียญหล่อสี่เหลี่ยม รุ่นเสาร์ห้า หลวงพ่อนุ่ม เครดิตภาพ wep-pra นับเป็นพระเครื่องวัตถุมงคลอีกประเภทหนึ่งของ หลวงพ่อนุ่ม ที่ได้รับความนิยมมากความจริงแล้วพระในรุ่นเสาร์ห้านี้ หลวงพ่อได้จัดสร้างขึ้นรวม 3 แบบด้วยกันคือ เหรียญหล่อสี่เหลี่ยม , พิมพ์พระนางพญา และ พิมพ์พระปางสมาธิ แต่ที่นิยมกันมากที่สุดมีราคาแพงที่สุด ก็ได้แก่ เหรียญหล่อสี่เหลี่ยม รองลงมาก็คือ พิมพ์นางพญา และพิมพ์สมาธิ ตามลำดับ ในส่วนของ พระเครื่อง เหรียญหล่อสี่เหลี่ยมนั้น เป็นพระขนาดประมาณ 2.3-3.2 ซ.ม. ด้านหน้าเป็นรูปพระองค์พระปางสมาธิ ฐาน 3 ชั้น อยู่ภายในกรอบสี่เหลี่ยม เหนือฐานชั้นบนมีกลีบบัวรองรับองค์พระอยู่รวม 6 กลีบ ส่วนด้านหลังเป็นยันต์ตรีนิสิงเห สำหรับพิมพ์นางพญาและพิมพ์สมาธิ องค์พระเป็นรูปสามเหลี่ยมปางมารวิชัย และปางสมาธิ ส่วนด้านหลังจะเรียบทั้ง 2 พิมพ์ ทั้ง 3 แบบพิมพ์พระเครื่องนี้ จัดสร้างขึ้นโดยการหล่อด้วยด้วยเนื้อทองเหลืองและด้วยการเป็นพระหล่อนี่เองทำให้พุทธลักษณะและเนื้อหาขององค์พระเครื่องประกอบกันเข้าแล้ว ดูสวยแปลกตาและมีเสน่ห์ไม่แพ้เหรียญหล่อหรือพระหล่อจากสำนักใดๆเลย ในด้านพุทธคุณไม่ถือเป็นรอง

พระกริ่ง บางหอย หลวงพ่อจาด

พระกริ่ง บางหอย หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา เครดิตภาพ: web pra พระกริ่ง บางหอย หลวงพ่อจาด แบ่งออกเป็น 3 พิมพ์ ด้วยกัน คือ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง พิมพ์เล็ก พุทธลักษณะพระกริ่ง บางหอย หลวงพ่อจาด พุทธลักษณะคล้ายพระกริ่ง 79 สมเด็จพระสังฆราชแพ โดยเฉพาะ พิมพ์ใหญ่ ด้านหลังมีตัว อุ อยู่ตรงกลางฐาน หล่อด้วยเนื้อทองผสม บางองค์เนื้อจัดมาก ผิวแบบเนื้อสัมฤทธิ์ก็มี  บางองค์แก่ทองเหลือง บางองค์แก่ทองแดง ในพิธีการเททองหล่อพระกริ่ง บางหอย นี้ ได้จัดสร้าง พระรูปหล่อลอยองค์ หลวงพ่อจาด ด้วย แต่น้อยมาก นักสะสมพระเครื่องส่วนใหญ่ไม่รู้จักยกเว้นคนพื้นที่ พระรูปหล่อลอยองค์มี 2 พิมพ์ คือ พิมพ์ฐานตอกชื่อ สวัสดิ์ ผ่องสกุล (สันนิษฐานว่าเป็นชื่อผู้สร้าง) , พิมพ์ฐานจาร(แต่บางคนองค์ไม่มี)พระกริ่ง บางหอย พิจารณาเล่นหาได้ง่าย และมีจำนวนพระเครื่องที่หมุนเวียนเปลี่ยนมือในวงการก็มีมากพอเพียง และที่สำคัญราคาเช่าหายังพอสู้กันไหว พระกริ่ง บางหอย พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง และพิมพ์เล็ก ส่วนใหญ่ที่พบมักจะหล่องดงามมาแต่เดิม จึงไม่จำเป็นต้องแต่ง แต่ก็มีบ้างที่แต่งเซาะเนื้อรายละเอียดบางแห่ง อาทิ จีวรข้างแขน,บาตรน้ำมนต์ในองค์ที่หล่