จิงจูฉ่าย (Artemisia lactiflora หรือ White Mugwort) จากแหล่งต่างๆ ครอบคลุมถึงการใช้ประโยชน์ทางยา โภชนาการ การปลูกและการขยายพันธุ์ รวมถึงข้อควรระวัง
ชื่อ: จิงจูฉ่าย (Jing Ju Chai), โกฐจุฬาลัมพาขาว (White mugwort) ชื่อวิทยาศาสตร์: Artemisia lactiflora วงศ์: Asteraceae ถิ่นกำเนิด: มณฑลกุ้ยโจว ประเทศจีน
ประเด็นหลัก:การใช้ประโยชน์ทางยาและสุขภาพ: แพทย์แผนจีนถือว่าจิงจูฉ่ายเป็น ยาเย็นจัด (หยิน) มีสรรพคุณช่วย ลดความร้อนในเลือด ขับพิษ ขับลม แก้ไอ มีการใช้รากในการรักษาอาการทางจิต ความเหนื่อยล้า ซึมเศร้า โรคคิดไปเองว่าป่วย และอาการหงุดหงิดทั่วไป ใช้เป็นยาบำรุงตับ ส่งเสริมการไหลเวียนของเลือด และเป็นยาระงับประสาท
มีประโยชน์สำหรับอาการเกี่ยวกับกระเพาะและลำไส้ เช่น ท้องร่วง ท้องผูก ตะคริว การย่อยอาหาร พยาธิ และอาเจียนช่วยกระตุ้นการหลั่งของน้ำย่อยและน้ำดีอาจใช้รักษาโรคฮิสทีเรีย ลมชัก และอาการชักในเด็กช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ
มีสารไลโมนีน (limonene), ซิลินีน (selinene) และสารไกลโคไซด์ชื่อ อะปิอิน (apiin) ที่ช่วย ปรับสมดุลความดันโลหิต ทำให้เส้นเลือดขยายตัว และขับลม
มีงานวิจัยที่พบว่าสารสกัดจากจิงจูฉ่ายมีฤทธิ์ ต้านอนุมูลอิสระ และมีฤทธิ์ในการ ต้านการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง ในระดับเซลล์ (HL-60 cells) และสาร Artemisinin ที่พบในจิงจูฉ่าย (แม้จะมีปริมาณน้อย) ก็มีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งมีโซเดียมต่ำ เหมาะกับผู้ป่วยโรคไต ช่วยในการฆ่าไวรัส และเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาโรคมาลาเรีย
โภชนาการ:จิงจูฉ่าย 100 กรัม ให้พลังงานสูง (392 กิโลแคลอรี่)
อุดมไปด้วยเส้นใยและคุณค่าสารอาหารสูง โดยเฉพาะ แคลเซียม วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินบี 6 วิตามินอี โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และเหล็ก การรับประทานแบบสดๆ จะให้คุณค่าทางโภชนาการสูงสุด
การนำไปประกอบอาหารและเครื่องดื่ม: นิยมนำไปใส่ใน ต้มเลือดหมู เพราะช่วยดับกลิ่นคาวเลือดได้ดีสามารถนำไปทำอาหารได้หลากหลาย เช่น แกงจืด แกงส้ม ผัดไฟแดง ทอดกรอบ ยำ หรือกินเป็นผักเคียงกับลาบ น้ำพริก สามารถนำไปทำเครื่องดื่มได้ เช่น ชาจิงจูฉ่าย น้ำคั้นสด หรือน้ำปั่นผสมผลไม้มีการกล่าวถึงการนำไปใส่ในขนมอบ เช่น คุกกี้ หรือขนมปัง
รูปแบบการบริโภคและการนำไปประกอบอาหาร
บริโภคสด: ได้คุณค่าสูงสุด เช่น เป็นผักเคียงกับลาบ หรือน้ำพริก
น้ำคั้นสด/น้ำปั่น: คั้นหรือปั่นใบสดดื่ม (อาจเพิ่มน้ำผึ้งหรือมะนาวเพื่อปรับรสชาติ)
ชา: นำใบไปต้มเป็นชา
ประกอบอาหาร: ใส่ในเมนูต่างๆ เช่น
ต้มเลือดหมู (ช่วยดับกลิ่นคาว)
แกงจืด
แกงส้ม
ผัดไฟแดง
เกาเหลาเลือดหมู
ใส่ในข้าวต้ม
ทอดกรอบ
ใส่ในยำ
ใส่ในขนมอบ (เช่น คุกกี้ ขนมปัง)
ก๋วยเตี๋ยว
จิงจูฉ่าย: เคล็ดลับความอร่อยและประโยชน์ในต้มเลือดหมู
จิงจูฉ่ายเป็นส่วนประกอบสำคัญใน ต้มเลือดหมู ด้วยเหตุผลหลักๆ ดังนี้:
ดับกลิ่นคาว: นี่คือเหตุผลสำคัญที่สุด จิงจูฉ่ายมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่ช่วย ลดกลิ่นคาว ของเครื่องในหมู โดยเฉพาะเลือดหมูได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ต้มเลือดหมูมีกลิ่นหอมน่ารับประทานยิ่งขึ้น ไม่เหม็นคาว
เพิ่มรสชาติและกลิ่นหอม: นอกจากดับกลิ่นคาวแล้ว จิงจูฉ่ายยังช่วยเพิ่มมิติของรสชาติและกลิ่นหอมสดชื่นให้กับน้ำซุป ทำให้ต้มเลือดหมูมีรสชาติกลมกล่อมและน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
สรรพคุณทางยา: จิงจูฉ่ายมีสรรพคุณทางยาหลายประการตามตำราแพทย์แผนจีน เช่น ช่วย ฟอกเลือด ปรับสมดุลความดันโลหิต และ ขับลมในลำไส้ ซึ่งเข้ากันได้ดีกับเมนูต้มเลือดหมูที่มักจะรับประทานคู่กับเครื่องในหมู
ความเข้ากันทางวัฒนธรรม: จิงจูฉ่ายเป็นสมุนไพรจีนที่นิยมใช้ในอาหารจีนหลายชนิด การนำมาใส่ในต้มเลือดหมูซึ่งเป็นอาหารที่ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมจีนจึงเป็นเรื่องที่สอดคล้องและลงตัว
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ทำให้จิงจูฉ่ายกลายเป็นส่วนผสมที่ขาดไม่ได้ในต้มเลือดหมู ช่วยให้เมนูนี้มีทั้งรสชาติที่ดี กลิ่นหอม และประโยชน์ต่อสุขภาพไปพร้อมๆ กัน
การปลูกและการขยายพันธุ์:เป็นพืชที่ ปลูกง่าย โตไว ทนทานขยายพันธุ์ได้ง่ายโดยการ ปักชำกิ่ง หรือ แบ่งกอชอบดินร่วน แต่ไม่ชอบดินคุณภาพต่ำหรือดินที่แข็งเกินไป แนะนำให้ปลูกในกระถางขนาดใหญ่ เพราะจิงจูฉ่ายจะขยายกอได้เร็ว หลังปักชำ ควรรดน้ำให้ชุ่มและเก็บไว้ในที่ร่มก่อน เพื่อให้ต้นฟื้นตัว ควรรดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงอากาศร้อน สามารถบำรุงดินด้วยน้ำหมักมูลวัว การปลูกในร่ม หรือเลียนแบบธรรมชาติที่มีไม้ใหญ่ให้ร่มเงา จะทำให้ใบอวบสวยและสีเข้มกว่าการปลูกกลางแจ้ง
จิงจูฉ่ายที่ปลูกในระบบเกษตรอินทรีย์จะมีภูมิคุ้มกันต่อตัวเอง กลิ่นเฉพาะตัวช่วยป้องกันแมลงศัตรูพืช (ยกเว้นบางครั้งที่ปลูกเยอะเกินไปอาจมีปัญหาเรื่องการรับซื้อ)
ข้อควรระวังและคำเตือน:
สตรีมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงการใช้จิงจูฉ่าย เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับความปลอดภัย และบางแหล่งระบุว่าอาจทำให้แท้งบุตรหรือเป็นอันตรายต่อทารกได้
ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำควรระมัดระวัง หากรับประทานมากและนานเกินไปอาจทำให้ความดันต่ำลงไปอีก
ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ หากกำลังรับประทานยาชนิดอื่นอยู่ เนื่องจากจิงจูฉ่ายอาจมีปฏิกิริยาระหว่างยา
ปริมาณการใช้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์เพื่อกำหนดปริมาณที่เหมาะสม