พระพิมพ์วงเขน กรุวัดนาสนธิ์
วัดนาสนธิ์ นับเป็นวัดเก่าแก่และสำคัญควบคู่กับวัดท่าเรือ ได้รับการสถาปนามาจากพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช เมื่อครั้งสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ทรงศรีวิชัยยุคแรก หรือเมื่อคราวสร้างเมืองพระเวียงเป็นเมืองหลวงที่สองของอาณาจักรตามพรลิงค์บนหาดทรายแก้วในระหว่าง พ.ศ. 1089-1300 วัดนาสนธิ์อยู่ติดกับวัดเตาปูน ซึ่งเดิมเป็นที่ตั้งเตาเผาเปลือกหอยเพื่อทำปูนขาวผสมยางไม้และข้าวเหนียวสำหรับก่อ สร้างพระธาตุเจดีย์ สันนิษฐานว่า พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชคงเสด็จมาตรวจเตาปูน และทรงเห็นว่าเป็นสถานที่ที่สงบวิเวกเหมาะแก่การบำเพ็ญเพียรภาวนาของพระสงฆ์ฝ่ายอรัญวาสี ครั้นเมื่อสร้างพระธาตุเจดีย์แล้วเสร็จ จึงได้สถาปนาที่ตั้งเตาปูนเป็น "วัดเตาปูน" และที่ประทับชั่วคราวเมื่อเสด็จมาตรวจดูเตาปูนเป็น "วัดนาสนธิ์" จากนั้นโปรดฯ ให้สร้างพระพิมพ์บรรจุกรุไว้เพื่อสืบทอดอายุพระศาสนาที่วัดนาสนธิ์ด้วย
สมัยเมื่อ 20-30 ปีมาแล้ว "พระไตรภาคี" นับเป็นพระเครื่องยอดนิยมและมีชื่อเสียงเป็นอันดับหนึ่งของจังหวัดนครศรีธรรม ราช มีด้วยกัน 3 พิมพ์ คือ พระพิมพ์ปรกโพธิ์ใหญ่นิยม กรุวัดท่าเรือ (วัดท่าโพธิ์) พระพิมพ์นาคปรกใหญ่ กรุวัดนางตรา และพระพิมพ์ใบพุทราหรือพิมพ์ยอดขุนพล กรุวัดนาสนธิ์ หรือที่เรียกขานกันในวงการพระยุคนั้นว่า "ท่าเรือ นางตรา นาสนธิ์" ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงเป็นที่นิยมสูงและเป็นที่เสาะแสวงหากันอยู่ แต่ค่อนข้างจะหาดูได้ยากมาก สำหรับพระพิมพ์วงเขน กรุวัดนาสนธิ์ ก็เป็นอีกหนึ่งพิมพ์ของกรุวัด นาสนธิ์ ที่น่าสนใจสะสม นอกเหนือจากพระพิมพ์ใบพุทราอันเลื่องชื่อแล้วครับผม
ไม่ว่าจะเป็น พระเครื่อง พระพิมพ์ใดใน 3 พิมพ์ ถ้าขึ้นชื่อว่า "พระกรุวัดนาสนธิ์" แล้ว การันตีเรื่องพุทธคุณที่เรียกได้ว่า "ครอบจักรวาล" ทั้งอำนาจ วาสนา บารมี โชคลาภ คงกระพัน ดังคำโบราณกล่าวไว้ว่า "ผู้มีพระพิมพ์ศรีวิชัยติดตัว ย่อมมีชัยชนะอย่างสง่างามในทุกด้าน"
พระเครื่อง พระกรุวัดนาสนธิ์ เท่าที่พบมี 3 พิมพ์ คือ พิมพ์ใบพุทราหรือพิมพ์ยอดขุนพล ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นพระยอดนิยมอันดับหนึ่ง เป็นพระศิลปะศรีวิชัยยุคต้นบริสุทธิ์ ประมาณปี พ.ศ.1100-1300 พุทธศิลป์จะเป็นแนวอินเดียสกุลช่างปาละเสนะ อันเป็นต้นแบบพุทธศิลป์ที่เรียกว่า "ขนมต้ม" ของเมืองนครศรีธรรมราชในสมัยต่อมา พิมพ์ที่ 2 คือ พิมพ์ผานไถ ส่วนพิมพ์สุดท้ายที่จะได้กล่าวถึงคือ พิมพ์วงเขน หรือพิมพ์พระจันทร์เต็มดวง
พระพิมพ์วงเขน หรือพิมพ์พระจันทร์เต็มดวง มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 9.5 เซนติเมตร เนื้อมวลสารค่อนข้างละเอียด สีผิวขององค์พระออกสีเหลืองนวล ปรากฏแร่ลูกรัง ชิ้นส่วนเปลือกหอยกาบ และแร่ว่านดอกมะขามผุดประปรายอยู่ทั่วองค์พระ มีเม็ดทรายแก้วขนาดเขื่องสีขุ่นขาวมีอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลังขององค์พระแต่ไม่มากนัก จุดสังเกตที่น่าจดจำคือ พระทุกๆ องค์จะต้องมีเส้นอย่างน้อยหนึ่งเส้นปรากฏลึกคมชัดอยู่ด้านหลังองค์พระ และมีรารักดำจับแน่นอยู่ตามซอกหรือด้านหลังขององค์พระด้วย
พระพิมพ์นี้ได้รับความนิยมรองๆ ลงมาจากพิมพ์ใบพุทรา ปัจจุบันก็หาดูหาเช่ายากพอๆ กัน และนอกจากพบที่กรุวัดนาสนธิ์แล้ว ยังมีปรากฏที่กรุวัดท่าเรือเช่นกัน แต่จะมีจุดสังเกตความแตกต่างง่ายๆ คือ ถ้าเนื้อหยาบ มีเม็ดทรายมาก เป็นของ "กรุวัดท่าเรือ" ถ้าเนื้อละเอียด หนึกนุ่ม เป็นของ "กรุวัดนาสนธิ์"
ที่มา:ข่าวสด
เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง:บทความพระเครื่อง